itaewon

จากเหตุการณ์ โศกนาฏกรรมที่ อิแทวอน ประเทศเกาหลีใต้

ยุน ฮี-กึน ผู้บังคับบัญชาการตำรวจ ของผระเทศเกาหลี ได้ออกมายอมรับถึงเหตุการณ์ การใช้มาตราการรับมือ เหตุเกิดการเบียดเสียดกันตาย ในย่านท่องเที่ยวดัง อย่างย่านออินแทวอนนั้น “ไม่เพียงพอ” ซึ่งการยอมรับดังกล่าวนั้น ถือเป็นการยอมรับครั้งแรก ว่า กำารดำเนินมาตราการนั้นไม่เพียงพอ ที่จะยับยั้ง โศกนาฏกรรมเช่นนี้ และเขายังได้แสดงความรู้สึกต่อเหตุการ์ณดังกล่าวว่า “ถึงความรับผิดชอบที่ไร้ขีดจำกัด ต่อความปลอดภัยสาธารณะ” และให้คำมั่นว่า จะดำเนินการสืบสวนอย่างเต็มที่

ยุน ฮี-กึน ยังแจ้งอีกว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการรับแจ้ง ถึงเหตุการนี้หลายครั้ง เกี่ยวกับสถานะการที่น่าเป็นห่วงในตอนนั้น และสุกท้าย เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ก็ได้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้นมา แต่ทางตำรวจนั้นกลับออกมารับมือได้ไม่ดีพอ ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงโซล ได้ให้สำภาษณ์เอาไว้ว่า พวกเขาได้รับการแจ้งเหตุ ครั้งแรกช่วงเวลา 18.34 น. ก่อนที่อีกหลายชั่วโมงต่อมา จะเกิดเหตุการณ์ เบียดเสียดกันตายขึ้น

itaewon
ตำรวจเกาหลีใต้ยอมรับทำงาน “น่าผิดหวัง” พบมีการแจ้งเหตุฉุกเฉินหลายครั้ง ก่อนเกิดโศกนาฏกรรม

และทางการเกาหลีใต้ จะดำเนินการสืบสวนอย่างละเอียดและรวดเร็ว เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่า หลังได้รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแล้ว มีการดำเนินการอะไรบ้าง และดำเนินการอย่างเหมาะสมหรือไม่ ด้าน ลี ซัง-มิน รัฐมนตรีมหาดไทยเกาหลีใต้ ขอโทษต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 156 คน และบาดเจ็บ 152 คน

“มันเป็นเรื่องน่าเศร้ามากสำหรับผม ที่เป็นพ่อที่มีลูกชายและลูกสาว… มันยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูด สถานการณ์มันเหนือจริงเหลือเกิน และเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยาก” นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ให้คำมั่นจะดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียด และพร้อมจะ “แก้ไขเชิงระบบ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก”

ทางการกรุงโซลระบุว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมฝูงชนให้เป็นระเบียบมากกว่าปีที่แล้ว ในคืนวันที่ 29 ต.ค. แต่ตำรวจส่วนหนึ่งต้องแบ่งไปควบคุมฝูงชน ตามการประท้วงสำคัญอื่น ๆ ในกรุงโซล อย่างไรก็ดี สื่อเกาหลีชี้ว่า เมื่อสองสัปดาห์ก่อน ที่มีการจัดคอนเสิร์ตของวงเค-ป๊อปชื่อดัง อย่าง บีทีเอส ในเมืองปูซาน ทางตอนใต้ ซึ่งมีประชาชนเข้าร่วมมากกว่า 55,000 คน โดยมีตำรวจมากถึง 2,700 นาย เข้าดูแลความปลอดภัย

แต่สำหรับการเฉลิมฉลองเทศกาลฮาโลวีนในย่านอิแทวอนของกรุงโซล ทางการกลับส่งตำรวจเข้ามารักษาความปลอดภัยเพียง 137 คนเท่านั้น ทั้งที่จะเป็นการเฉลิมฉลองครั้งใหญ่แรกแบบไม่ใส่หน้ากาก นับแต่โควิด-19 ระบาด สมาชิกสหภาพแรงงานได้ออกมาไว้อาลัย พร้อมถือป้ายประท้วงต่อว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยของทางการ

โดยบริเวณใกล้กับศาลาว่าการกรุงโซล สหภาพแรงงานได้ตั้งป้ายประท้วงระบุว่า “สิทธิในความปลอดภัย เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ไม่มีอะไรมีค่ามากกว่าการให้ความสำคัญกับชีวิตของประชาชน และความปลอดภัยของพวกเขา” ที่สนามหญ้าใกล้กับศาลาว่าการกรุงโซล หญิงเกาหลีใต้คนหนึ่งได้ไว้อาลัย พร้อมถือป้ายข้อความว่า “คนหนุ่มสาวทุกคนควรได้มีชีวิตในสถานที่ที่ปลอดภัยและสงบสุข”

บีบีซีได้พูดคุยกับเธอ เธอระบุว่า “มีลูก 2 คน อายุ 30 ปีกลางๆ และมีหลานสาวอายุ 7 ขวบอีกคน เธอควรได้เติบโตในประเทศที่ปลอดภัย” ลี อิน-ซุค วัย 63 ปี กล่าว “นี่มันเป็นโศกนาฏกรรมจากมนุษย์ มันจะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้ารัฐบาลเตรียมการมาดี มันน่าหวาดกลัวมาก แต่ก็เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล รวมถึงผู้ใหญ่ที่ลงคะแนนให้พรรคการเมืองเหล่านี้”

ความคืบหน้าการสอบสวน

นับแต่ช่วงบ่ายวานนี้ (31 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานหลายสิบนาย ได้เข้าไปตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุในย่านอิแทวอน ซึ่งเวลานี้ เงียบสนิท หลังสั่งปิดร้านรวง คาเฟ่ และบาร์ทั้งหมด เป้นการชั่วคราว ในคืนวันที่ 29 ต.ค. ประชาชนมากถึง 100,000 คน ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและคนหนุ่มสาวช่วงวัย 20 กว่าปี เดินทางมายังย่านอิแทวอน

ซึ่งมีลักษณะเป็นซอกซอยแคบๆ แต่เต็มไปด้วยบาร์และคลับ สำหรับสังสรรค์ยามค่ำคืนมากมาย อิแทวอน เป็นส่วนหนึ่งของเขตยงซาน หนึ่งใน 25 เขตของกรุงโซล โดยเขตยงซาน ประกาศเมื่อวันที่ 28 ต.ค. ว่าจะจัดการเฉลิมฉลองฮาโลวีนในอิแทวอน แม้จะมีแผนการจัดงานอย่างชัดเจน แต่ไม่มีรายนามผู้จัดงานอย่างเป็นทางการ

ทางการได้ดำเนินมาตรการป้องกันโควิด ตรวจสอบความปลอดภัยตามบาร์และร้านอาหาร การจัดการขยะ และมาตรการป้องกันการใช้ยาเสพติด แต่กลับไม่ได้ดำเนินมาตรการควบคุมฝูงชนที่รัดกุมภายในย่าน และแม้จะส่งตำรวจ 137 นายไปยังย่านอิแทวอน ซึ่งตำรวจระบุว่า ถือว่ามากกว่าปีที่แล้ว แต่คนในพื้นที่ระบุว่า ตำรวจเน้นการควบคุมการจราจร

และพุ่งเป้าไปที่การใช้ยาเสพติด มากกว่าการควบคุมฝูงชน “เราจัดทีมสอบสวนพิเศษ 475 นาย ตรวจสอบหลักฐานแวดล้อมทั้งหมด สอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์ และตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดอย่างละเอียด” ผู้บัญชาการสำนักงานสอบสวนแห่งชาติของเกาหลีใต้ ระบุ จนถึงตอนนี้ ตำรวจได้สอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์ 44 คน

เก็บภาพจากกล้องวงจรปิดจากกล้อง 52 ตัว ที่ตั้งอยู่ใน 42 จุดทั่วพื้นที่ ตำรวจยังตรวจสอบวิดีโอที่โพสต์ในสังคมออนไลน์ด้วย อย่างไรก็ดี ตำรวจระบุว่ายังไม่พบตัวผู้ต้องสงสัยที่มีพฤติการ์ณ เข้าข่าวการก่ออาชญากรรมแต่อย่างใด บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ โคเรีย จุงอัง เดลี (Korea JoongAng Daily) ชี้ว่า ปัจจัยที่ทำให้ไม่สามารถยับยั้งโศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้

คือ การขาดผู้จัดงานจากส่วนกลาง รวมถึง “ตำรวจและหน่วยดับเพลิงไม่ได้เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ลักษณะนี้ล่วงหน้า” ด้าน คง ฮา-ซอง ศาสตราจารย์ด้านการป้องกันสาธารณภัย มหาวิทยาลัยวูซุคในเกาหลีใต้ ระบุว่า ในคืนวันนั้น “แทบไม่มีใครดูแลความปลอดภัยคนเดินเท้ากันเลย” เขายังบอกกับสำนักข่าวเอพีว่า ควรมีตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐอยู่ในพื้นที่มากกว่านี้ เพื่อสังเกตการณ์ในกรณีที่ฝูงชนแออัดเบียดเสียดในลักษณะเป็น “คอขวด”

มือตะโกน “ดันเลย ๆ”

เว็บไซต์ Daum ของเกาหลีใต้ ระบุว่า หนึ่งในภาพจากกล้องวงจรปิดที่ตำรวจกำลังให้ความสนใจ คือ “ชายสวมที่คาดผมหูกระต่าย” ที่ตะโกนให้ฝูงชนเริ่มผลักดันตัวไปข้างหน้า ภาพวิดีโอจากสังคมออนไลน์ในจุดดังกล่าว มีเสียงตะโกนเป็นภาษาเกาหลีว่า “ดันเลย ๆ” ในซอยลาดชัน บริเวณหลังโรงแรมฮามิลตัน ซึ่งเมื่อได้ยินเสียงตะโกนนั้น ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า “กลุ่มคน 5-6 คน เริ่มผลัก” จากนั้นเป็นสถานการณ์โกลาหลที่มีการผลักไปด้านหน้า และผลักกลับมา

ศาสตราจารย์ด้านนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยยูวอน ให้สัมภาษณ์กับ วายทีเอ็น สื่อเกาหลีใต้ว่า “หากมีการผลักด้วยจุดประสงค์เพื่อทำร้ายผู้อื่น อาจเข้าข่ายทำผิดกฎหมายอาญา รวมถึงข้อหาอื่น ๆ”อย่างไรก็ดี ตำรวจยังไม่ออกแถลงการณ์ว่า มีการตามหาตัว “ชายสวมที่คาดผมหูกระต่าย” หรือบุคคลอื่น ๆ ในตอนนี้

ขอบคุณแหล่งที่มา : bbc.com

สามารถอัพเดตข่าวสารเรื่องราวต่างๆได้ที่ : dinningtonrugby.net